วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชนิดของ Nouns






คำนาม (nouns) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อของสิ่งต่าง ๆ อาทิชื่อบุคคล สถานที่ สิ่งต่าง ๆ แนวคิด หรือคุณภาพเช่น Somsak, Doi Sutep, Bangkok, table, freedom, goodness ฯลฯ คำนามอาจแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ตามลักษณะสำคัญได้ 3 แบบ คือ
1. นามที่แบ่งโดยคำนึงถึงความหมาย นามลักษณะนี้จำแนกได้ 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
1.1 Proper nouns (นามจำเพาะเจาะจง) เป็นนามที่ใช้เรียกชื่อเฉพาะของบุคคล
สถานที่หรือสิ่งต่าง ๆ ข้อสังเกตคือ นามชนิดนี้ขึ้นต้นด้วยอักษรใหญ่ เช่น Pichet, Rincome Hotel, China, Asia, Songkran Day
1.2 Common nouns (นามทั่วไป) เป็นนามที่มิได้เจาะจงถึงบุคคล
สถานที่หรือกล่าวง่าย ๆ คือเป็นนามที่ใช้เรียกชื่อบุคคล สถานที่
หรือสิ่งของโดยทั่ว ๆ ไป เช่น man, city, doctor ฯลฯ
นามชนิดนี้สามารถจำแนกแยกย่อยได้ 3 ชนิดคือ
1.2.1 Concrete nouns (นามรูปธรรม) เป็นนามที่ใช้เรียกชื่อสิ่งต่าง ๆ
ที่สามารถเห็นได้ ได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัสหรือลิ้มรสได้
เช่น apple, candle, table, radio ฯลฯ
1.2.2 Mass nouns (นามมวล) แยกกล่าวได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) นามมวลที่นับไม่ได้ ไร้รูปร่างเช่น love, happiness ฯลฯ
(2) นามมวลที่ใช้เรียกชื่อวัตถุ อาหาร วิชา เกมส์กีฬา ต่าง ๆ
เช่น meat, sugar, biology, swimming ฯลฯ
(3) นามมวลที่นับไม่ได้ตลอด
เช่น advice, research, luggage, information,
equipment, behavior, scenery, commerce, money ฯลฯ
1.2.3 collective nouns (นามกลุ่มก้อน)
เป็นนามที่แสดงกลุ่มก้อนสิ่งต่าง ๆ
อาทิ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ เช่น family, team, crowd, group ฯลฯ
2. นามที่แบ่งโดยคำนึงถึงรูป นามแบบนี้ก็คือนามผสม (compound nouns)
ซึ่งเกิดจากการนำเอาคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมารวมกัน
ได้แก่ นามที่เกิดจากการรวมตัวกันของ
2.1 Noun + Noun เช่น bushman (คนป่า)
caveman (มนุษย์ถ้ำ) engineeroom (ห้องเครื่อง)
2.2 Adjective + Noun เช่น bluebottle (แมลงวันหัวเขียว)
2.3 Verb + Noun เช่น sailfish (ปลากระโดง) pickpocket (ขโมย)
2.4 Gerund + Noun เช่น floating market (ตลาดน้ำ) sleeping car (รถนอน)
2.5 Noun + Gerund เช่น cloud-kissing (สูงเทียมเมฆ) board meeting (การประชุมกรรมการ)
2.6 Preposition + Noun เช่น downstream (ล่องลงตามน้ำ) by-election (การเลือกตั้งซ่อม)
2.7 Verb + Preposition เช่น breakthrough (การฟันฝ่าอุปสรรค) catchup (น้ำซอสชนิดคั้น)
2.8 Noun + Preposition phrase เช่น son - in - law (ลูกเขย) daughter-in-law (ลูกสะใภ้)
3. นามที่แบ่งโดยคำนึงถึงหน้าที่ ลักษณะนี้ จำแนกได้ 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
3.1 Countable nouns (นามนับได้) สามารถนับได้เป็นชิ้น เป็นอัน เป็นตัว ฯลฯ มีได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น city, table, cars ฯลฯ
3.2 Uncountable nouns (นามนับไม่ได้) เป็นนามที่ไม่สามารถนับได้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นตัวได้แก่(1) นามที่เป็นชื่อก๊าซ เช่น Oxygen, carbon dioxide(2) นามที่เป็นชื่อของเหลว เช่น water, ink ,oil(3) นามที่เป็นชื่ออณูเล็กมาก เช่น dust, rice, sand(4) นามที่เป็นชื่อสาขาวิชา เช่น geology, biology, economics(5) นามที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น sunshine, darkness(6) นามที่เป็นชื่อแนวคิด อุดมคติ เช่น damage, love ,freedom
รวมสรุปแล้ว นามนับไม่ได้ มักจะเป็นนาม นามธรรม (abstract nouns) และนามมวล (mass nouns) นั่นเอง
ลักษณะพิเศษของนาม คำนามมีลักษณะพิเศษอยู่ 2 ประการคือ การเปลี่ยนนามนับได้จากรูปเอกพจน์เป็นพหูพจน์ และการสร้างนามให้อยู่ในรูปแสดงเจ้าของ ดังนี้1. นามนับได้เอกพจน์-พหูพจน์ การเปลี่ยนนามนับได้จากรูปเอกพจน์เป็นพหูพจน์ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.1 เติม s ท้ายนามเอกพจน์ เช่น book - books, pen - pens, car - cars
1.2 เติม es ท้ายนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch, และ sh เช่น bus-buses, watch-watches, box-boxes
1.3 นามเอกพจน์ลงท้ายด้วย y การเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ 2 ประการคือ
ก. หน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i และเติม es เช่น company-companiesม, city-cities, lady-ladies
ข. หน้า y เป็นสระ a, e, i, o, u คง y ไว้แล้วเติม s เช่น day-days, key-keys, way-ways
1.4 นามเอกพจน์ลงท้ายด้วย o การเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์สองประการคือ
ก. หน้า o เป็นพยัญชนะเติม es เช่น potato-potatoes, mango-mangoes, ยกเว้น ถ้าเป็นนามเกี่ยวกับเครื่องดนตรี หรือการดนตรี หรือคำยกเว้นบางคำ เติม s เช่นpiano-pianos, dynamo-dynamos, memo-memos, kilo-kilos, photo-photos
ข. หน้า o เป็นสระ เติม s เช่น radio-radios, studio-studios, zoo-zoos, cuckoo-cuckoos, bamboo-bamboos, kangaroo-kangaroos
1.5 เปลี่ยนนามเอกพจน์ลงท้ายด้วย f หรือ fe เป็น v แล้วเติม es เช่น half-halves, wife-wives, life-lives, calf-calves ยกเว้น นามบางคำเติม s โดยไม่มีการเปลี่ยน f หรือ fe แต่อย่างใด เช่น safe-safes, proof-proofs, chief-chiefs, brief-briefs
1.6 นามเอกพจน์บางคำเวลาเป็นพหูพจน์เปลี่ยนรูป ต้องจำ เช่น goose-geese, tooth-teeth, foot-feet, man-men, woman-women, child-children, mouse-mice, ox-oxen
1.7 นามบางคำมีรูปเหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น deer-deer, sheep-sheep, species-species, series-series, trout-trout, means-means
1.8 นามบางตัวมีเพียงรูปเดียวคือ เอกพจน์ แม้ว่าจะเติม s เช่น news, statistics, mathematics, politics, mumps (คางทูม), ethics, economics, physics
1.9 นามต่อไปนี้เป็นพหูพจน์ตลอด เช่น glasses (แว่นตา) , tweezers (คีมเล็ก) ,tidings(ข่าวคราว) shorts (กางเกงขาสั้น), scissors(กรรไกร), saving(เงินออม), arms(อาวุธ), whiskers (หนวดเครา)
1.10 นามที่มาจากภาษาต่างประเทศ เช่น ละติน กรีก มีรูปพหูพจน์ต่างไปจากเดิม เช่น crisis-crises (วิกฤติการณ์) criterion-criteria (เกณฑ์), parenthesis-parentheses (วงเล็บ) medium-media (เครื่องมือ), datum-data (ข้อมูล) stimulus-stimuli (สิ่งเร้า), analysis-analyses (การวิเคราะห์)
2. นามแสดงเจ้าของ การสร้างคำนามให้อยู่ในรูปของการแสดงความเป็นเจ้าของ มีหลักเกณฑ์คือ
2.1 นามเอกพจน์
สามารถทำให้เป็นรูปแสดงการเป็นเจ้าของด้วยการเติม s ท้ายนาม Sunee's car, ous nations's flag, Nipon's books.
2.2 นามพหูพจน์
นามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s หรือ es ทำเป็นรูปแสดงเจ้าของโดยการเติม ' ท้ายนาม เช่น ladies' coats, girls' bicycles, soldiers' guns แต่หากนามพหูพจน์มิได้ลงท้ายด้วย s หรือ es ให้เติม 's เมื่อแสดงเจ้าของเช่น children's parents, women's dresses, men's jeans
2.3 นามผสม
ให้เติม 's ท้ายคำนามนั้น เช่น son-in-law's, books, daughter-in-law's house
2.4 เจ้าของร่วม
ในกรณีมีนามมากกว่า 1 คำ เมื่อนามแต่ละตัวนั้นแสดงความเป็นเจ้าของร่วมให้เติมนามตัวสุดท้าย เช่น Sunee and Nipon's car, Pim and Cha's motorcle
2.5 เจ้าของร่วม
หากแสดงความเป็นเจ้าของแยกกัน ต่างคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของในสิ่งนั้น หรือแต่ละคนก็มีสิ่งนั้น ให้เติม 's ท้ายนามแต่ละตัว เช่น Pim's and Cha's motorcycles, Sunee's and Nipon's car
ที่มา http://blog.eduzones.com/winny/3583

Noun คือ














สำหรับ Beginner
..........................................
ก่อนจะเริ่มพูดเริ่มเขียนภาษาอังกฤษ เราควรจะมาทำความรู้จักกับพื้นฐานของรูปแบบประโยคในภาษาอังกฤษกันก่อน และก่อนที่จะรู้จักกับรูปแบบพื้นฐานของประโยค เราก็ควรจะทำความรู้จักชนิดของคำก่อนด้วย
เอาเป็นว่าเตรียมปากกา กระดาษ และสมาธิไว้ดีๆ ให้เริ่มเรียนกันได้เลย
ชนิดของคำแบบแรกที่จะสอนวันนี้ ก็คือ คำนาม
หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า noun ออกเสียงว่า ‘นาว’
ในดิกชันนารี่ (dictionary) มักจะระบุตัวย่อเป็น n.
noun คืออะไร?
คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ อาคาร สภาพ
และลักษณะทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต
ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม
มาดูตัวอย่างง่ายๆ ของ noun กันดีกว่าว่ามีคำว่าอะไรบ้าง:
ปากกา ดอกไม้ มหาวิทยาลัย ความซื่อสัตย์
เวลา การเรียน การประปา ความสวย ความคิด นักเรียน ฯลฯ

เอ้า ... มาลองกันก่อนดีกว่า ว่าเรารู้จักคำนามกันหรือยัง ทดสอบซิ! (^_^) v
คำว่า ”skirt - กระโปรง” เป็น noun หรือไม่? …… ….…. … .. . Yes!
คำว่า ”heart - หัวใจ” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …. … .. . Yes!
คำว่า ” office - ที่ทำงาน” เป็น noun หรือไม่? …… …. … .. . Yes!
คำว่า ”seminar – การสัมมนา” เป็น noun หรือไม่? …… .. . Yes!
คำว่า ”travel – ท่องเที่ยว” เป็น noun หรือไม่? …… ….. .. . No!
แล้วถ้าเป็น ”traveling - การท่องเที่ยว” เป็น noun หรือไม่? . Yes!
คำว่า ”วิ่ง” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …................. … .. . No!
แล้วถ้าเป็น ”การวิ่ง” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …. … .. . Yes!
แล้วถ้าเป็น ”วิธีวิ่ง” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …. … .. . Yes!
คำว่า ”important - สำคัญ” เป็น noun หรือไม่? … … .. . No!
คำว่า ”folder - แฟ้ม” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …. … .. . Yes!
คำว่า ”feel - รู้สึก” เป็น noun หรือไม่? …… ….. …. … .. . No!
คำว่า ”feeling - ความรู้สึก” เป็น noun หรือไม่? .. …. … .. . Yes!
คำว่า ”beautiful – สวย” เป็น noun หรือไม่? …… ….. .. . No!
คำว่า ”beauty – ความสวย” เป็น noun หรือไม่? …… … .. . Yes!
ตอบถูกไปกี่ข้อเอ่ย... ยังไงก็ปรบมือให้ตัวเองนะคะ
และน่าจะพอเข้าใจแล้วนะคะ ว่าอะไรคือ noun
...ในภาษาอังกฤษจะแบ่ง noun ออกเป็น
คำนามนับได้ (Countable Nouns) และ
คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns) ค่ะ
Countable Nouns คืออะไร?
คำนามที่นับได้ง่ายๆ ก็คือ คำนามที่สามารถนับเป็นหน่วยได้
ด้วยตัวของมันเองค่ะ เช่น glass (แก้ว)
สามารถนับได้เป็น 1 ใบ 2 ใบใช่ไหมคะ
แบบนี้แหละค่ะ ที่เรียกว่า Countable Nouns
ซึ่งจะมีอยู่ในรูปเอกพจน์ (Singular)
และพหูพจน์ (Plural) ค่ะ
มาดูตัวอย่างของ Countable Nouns เพิ่มเติมอีกหน่อยดีกว่านะคะ
table (โต๊ะ) chair (เก้าอี้) ง่ายไปมั้ย ...?
เอาคำยากๆ มาเรียนด้วยดีกว่านะคะ
Countable Nouns แบบมีตัวตน
เช่น Dollar (เงินหน่วยดอลล่าร์) Coin (เหรียญ) Suitcase (กระเป๋าเดินทาง)
Bookshelf (ชั้นวางหนังสือ)
Countable Nouns แบบไม่มีตัวตน
เช่น Day (วัน) Month (เดือน) Year (ปี)
Action (การกระทำ) Feeling (ความรู้สึก)

Uncountable Nouns คืออะไร?
คำนามนับไม่ได้นั่นก็คือ คำนามที่ไม่สามารถนับเป็นหน่วยด้วยตัวของมันเองได้
มีต้องใช้วัตถุใดๆ หรือหน่วยอื่นๆ มาในการใช้วัด หรือตวง
รวมถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมอื่นๆ ด้วยเช่น
Uncountable Nouns แบบมีตัวตน
เช่น Furniture (เฟอร์นิเจอร์) Luggage (หีบห่อเดินทาง)
Rice (ข้าว) Sugar (น้ำตาล) Water (น้ำ)
Gold (ทอง)
Uncountable Nouns แบบไม่มีตัวตน
เช่น Music (ดนตรี) Love (ความรัก)
Happiness (ความสุข) Knowledge (ความรู้)
Advice (คำแนะนำ) Information (ข้อมูล)
คราวนี้เรามาลองทำแบบฝึกหัดกันดีกว่าค่ะ
คำๆ ไหนเป็น Countable Nouns ให้เขียนแทนด้วย C
คำๆ ไหนเป็น Uncountable Nouns ให้เขียนแทนด้วย U
_____ milk _____ bear _____ shadow _____ blood
_____ spoon _____ calcium _____ tree _____ truck
_____ airplane _____ mirror _____ goodness
_____ honest _____ messenger ____
cardigan _____ shoe _____ tooth _____ celebration
_____ payment _____ subsidiary _____ affiliate
_____ demonstration

..................................................
สำหรับ Intermediate ขึ้นไป
...........................................................................................
Nounsเอกพจน์/พหูพจน์ (Singular/Plural)

ดังที่ได้กล่าวในบทเรื่อง Nouns แล้วว่า คำนามในภาษาอังกฤษที่เกียวกับการนับมี 2 ชนิดคือ
นามนับได้ ( countable nouns )
สามารถเป็นเอกพจน์ ( Singular ) หรือ พหูพจน์ ( Plural ) ได้
นามนับไม่ได้ ( uncountable nouns )
โดยทั่วไปเป็นเอกพจน์ ( Singular )
แต่มีข้อยกเว้นสำหรับบางคำสามารถทำให้เป็นพหูพจน์ ได้
ในบทนี้จะกล่าวถึงการทำให้เป็นพหูพจน์ของทั้งนามนับได้และนามนับไม่ได้ ซึ่งมีหลักกว้างๆคือ
นามนับได้ ส่วนใหญ่ทำให้เป็นพหูพจน์โดยการเติม - s ที่ท้ายคำ
นามนับไม่ได้โดยทั่วไป ทำเป็นพหูพจน์ไม่ได้
( แต่มีข้อยกเว้น ซึ่งทำให้กลายเป็นคำนามที่ใช้อย่างนามนับได้ เช่น wine
ปกติเป็นนามนับไม่ได้ แต่สามารถนำมาใช้แบบนับได้คือ
wines หมายถึง เหล้าองุ่นชนิดต่างๆ )

รายละเอียดคลิกที่นี่ เลย
http://ict.moph.go.th/English/content/nouns03_singular.htm